พารามิเตอร์ทางเทคนิคของฐานรากหินแกรนิตเชิงกล

 

หินแกรนิตซึ่งเป็นหินอัคนีที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย มีชื่อเสียงในเรื่องความทนทานและความแข็งแรง ทำให้เหมาะเป็นวัสดุสำหรับฐานรากเชิงกลในโครงการก่อสร้างต่างๆ การทำความเข้าใจพารามิเตอร์ทางเทคนิคของฐานรากเชิงกลจากหินแกรนิตถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับวิศวกรและสถาปนิก เพื่อให้มั่นใจถึงความสมบูรณ์และอายุการใช้งานของโครงสร้าง

พารามิเตอร์ทางเทคนิคหลักประการหนึ่งของหินแกรนิตคือความแข็งแรงในการอัด ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 100 ถึง 300 MPa ความแข็งแรงในการอัดที่สูงนี้ทำให้หินแกรนิตสามารถทนต่อแรงกดได้มาก จึงเหมาะสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์หนัก นอกจากนี้ หินแกรนิตยังมีรูพรุนต่ำ โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 0.1% ถึง 0.5% ซึ่งช่วยให้หินแกรนิตทนต่อการแทรกซึมของน้ำและการผุกร่อนจากสารเคมี จึงเหมาะกับการใช้เป็นฐานรากเชิงกลมากยิ่งขึ้น

พารามิเตอร์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือโมดูลัสของความยืดหยุ่น ซึ่งสำหรับหินแกรนิตจะอยู่ที่ประมาณ 50 ถึง 70 GPa คุณสมบัตินี้บ่งชี้ว่าวัสดุจะเสียรูปมากเพียงใดภายใต้แรงกด ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพภายใต้ภาระแบบไดนามิก ค่าสัมประสิทธิ์การขยายตัวเนื่องจากความร้อนต่ำของหินแกรนิตอยู่ที่ประมาณ 5 ถึง 7 x 10^-6 /°C ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะรักษาความสมบูรณ์ของโครงสร้างได้แม้จะมีความผันผวนของอุณหภูมิ ทำให้เป็นตัวเลือกที่เชื่อถือได้สำหรับฐานรากในสภาพอากาศต่างๆ

ความหนาแน่นของแกรนิต ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 2.63 ถึง 2.75 g/cm³ ยังมีบทบาทสำคัญในการออกแบบฐานรากอีกด้วย ความหนาแน่นที่สูงขึ้นจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพโดยรวมของฐานราก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการทรุดตัวหรือการเคลื่อนตัวตามกาลเวลา นอกจากนี้ ความทนทานต่อการสึกกร่อนและการสึกหรอของแกรนิตยังทำให้แกรนิตเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับฐานรากที่ต้องรับน้ำหนักมากหรือต้องรับแรงกดทางกล

โดยสรุป พารามิเตอร์ทางเทคนิคของฐานรากเชิงกลของหินแกรนิต ได้แก่ ความแข็งแรงในการอัด โมดูลัสของความยืดหยุ่น ความพรุนต่ำ และความหนาแน่นสูง เน้นย้ำถึงประสิทธิภาพในการใช้เป็นวัสดุฐานราก ด้วยการใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติเหล่านี้ วิศวกรสามารถออกแบบฐานรากเชิงกลที่แข็งแรงและทนทานซึ่งตอบสนองความต้องการของการก่อสร้างสมัยใหม่ได้

หินแกรนิตความแม่นยำ47


เวลาโพสต์: 22 พ.ย. 2567